สมาคมอนุรักษ์พี่น้องไตยใหญ่ ณ แม่ฮ่องสอน ยินดีต้อนรับทุกท่าน ที่เข้ามาชมกิจกรรมของเรา....ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง มา ณ โอกาสนี้

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

แนวคิดน่ารู้ ตอน หลุมพรางของความฉลาด

คำพูดโดนใจวันนี้
อย่ามั่นใจ...ว่าตัวเองฉลาดมาก.....อย่าวางมาด....ว่าเก่งกาจมาจากไหน.....อย่าคิดว่า....คนอื่นเค้าไม่รู้เค้าอาจแกล้งโง่เพื่อดู---ควาย---......โดยส่วนมาก....คนตอแหลจะวอดวายด้วยสันดาน....ตัวมันเอง


หลุมพรางของความฉลาด คัดลอกจากคิดสโมสร (Thinking Society) โดยอาจารย์รัศมี ธันยธร

ดร.เอ็ดเวิร์ด เดอ โบโน ผู้คิดค้นเทคนิคการคิดนอกกรอบ (Lateral Thinking) และเทคนิคการคิดอย่างเป็นระบบ Six Thinking Hats กล่าวถึง “หลุมพรางของความฉลาด” (Intelligence Trap) ไว้ในหนังสือหลายเล่มอย่างน่าคิดและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ดร.เอ็ดเวิร์ด เดอ โบโน จบปริญญาตรีแพทยศาสตร์เมื่ออายุยังไม่ถึง 20 ปี ตระกูลของท่านสืบทอดการเป็นแพทย์มาเจ็ดรุ่น ท่านได้ทุนเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย Oxford และ Cambridge ได้ปริญญาโท 2 ปริญญาและปริญญาเอกอีก 2 ปริญญา ด้านการแพทย์และจิตวิทยา ศึกษา วิจัย ค้นคว้าด้านความคิดสร้างสรรค์ จนได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์ด้านความคิดสร้างสรรค์ของโลก เดินทางสอนผู้บริการในประเทศต่าง ๆ มากว่า 30 ปี เดอ โปโน ได้พบคนฉลาด ๆ มากมาย แต่บางคนตกหลุมพรางของความฉลาด ท่านจึงพูดถึง “หลุมพรางของความฉลาด” เพื่อให้ผู้คนรู้จักเพื่อจะได้รู้ว่ามีหลุมพรางของความฉลาดอยู่ทั่วไป ทุกคนควรระวัง อย่าให้ตนเผลอตกลงไปในหลุมพรางนั้น เพราะจะเกิดผลร้ายต่อตนเองหลาย ๆ อย่าง คนที่เก่งมาก ฉลาดมาก เพราะเรียนเก่งหรือทำงานเก่ง ถ้าเผลอตกหลุมพรางของความฉลาด เขาจะกลายเป็นคนชอบโต้แย้ง (Defensive) ความที่มีเหตุมีผลแน่นมาก เวลาแย้งใครหรือโต้เถียงกับใครเขามักยกเอาเหตุและผลมาแย้งให้คนอื่นที่ คิด แตกต่างจากเขาจนมุมได้ไม่ยาก พอโต้แย้ง ถกเถียงกับใครแล้วได้ชัยชนะมากขึ้น ๆ เขาจะเริ่มติดใจในความรู้สึกแห่งความสำเร็จนั้น (Sense of Achievement) ทำให้เขาค่อย ๆ รู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าใคร (Superior) แรก ๆ เขาอาจรู้สึกว่าเหนือคนรุ่นเดียวกัน ระดับเดียวกัน นาน ๆ ไปจะรู้สึกว่าตนเองเหนือกว่าผู้บังคับบัญชาเหนือกว่าผู้บริหารทุกระดับ เหนือกว่าผู้บริหารองค์กร เหนือกว่าผู้บริหารประเทศ และเหนือกว่าทุกคน คนตกหลุมพรางของความฉลาดจึงชอบวิจารณ์คนอื่นอย่างภาคภูมิและมั่นใจด้วยรู้สึกว่าผู้อื่นคิดไม่ได้อย่างเขา (ซึ่งเขาคิดได้เหนือกว่า) เมื่อรู้สึกเหนือกว่า อาการจึงค่อย ๆ แสดงออกมา คือ หยิ่ง ยโส จองหอง อวดดี ทะนงตน (ซึ่งรวมเรียกว่า Arrogant) อาการนี้จะแสดงออกได้ทั้งสายตา ท่าที การพูดและการปฏิบัติตนต่อคนอื่น ซึ่งอาการเหล่านี้ผู้คนรอบข้างสัมผัสได้ คนที่เคยน่ารักจึงสามารถกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยน่ารัก หรืออาจถึงกับน่าเบื่อได้ ถ้าตกหลุมพรางของความฉลาด นอกจากนั้นเขาจะเป็นคนที่ลังเลสงสัยปิดใจ (Skeptical) รับสิ่งใหม่ ๆ ความคิดเห็นใหม่ ๆ ได้ยากมาก ความรู้สึก “เหนือกว่า” มักพาให้คิดว่า ถ้าอะไรดีจริง คนอย่างตนเองคงรู้หมดแล้ว ถ้าจะมีอะไรที่ตนไม่รู้ สิ่งนั้นก็คงยังไม่ดีพอที่คนอย่างตนต้องเสียเวลาไปรู้ไปฟัง ความรู้สึกว่า “ข้าแน่” จะมาบดบังตาและใจของคนที่ตกหลุมพรางของความฉลาดทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับ ให้เขาเปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ ไม่ได้ ฟังความคิดใหม่ ๆ และความรู้ใหม่ ๆ ไม่ได้ เขามักฟังอะไรแล้วเข้าใจได้ยากกว่าคนอื่น เรียนอะไรได้ยุ่งยากมากกว่าคนอื่น เพราะไม่เปิดใจรับ โดยเผลอยึดเอาตนเองเป็นมาตรฐาน แล้วโต้แย้งวิธีของผู้อื่น และเห็นว่าผู้อื่นน่าจะทำอย่างที่ตนเองคิด ทั้งที่ตนเองก็ทำไม่เป็น และยังไม่รู้จริง เขาไม่เปิดใจพร้อมที่จะรับ แต่กลับเปิดใจพร้อมที่จะแย้งและวิจารณ์ โดยใช้ความเห็นของตนเป็นหลัก ข้อมูลใหม่ ๆ ความรู้ใหม่ ๆ จึงไม่สามารถเข้าไปสะสมในกล่องสมองของเขาเท่าใดนัก ผลก็คือเขาจะมีวิจารณญาณที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์มากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ตนเองไม่รู้ตัว นอกจากนั้น ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่มีอยู่มากมาย ของคนที่ตกหลุมพรางของความฉลาดจะไม่ค่อยได้ถูกนำมาใช้สร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์และสิ่งดีงามอย่างที่น่าจะเป็น เพราะรสนิยมของเขาเป็นแบบชอบวิจารณ์โต้แย้ง และหาจุดบกพร่องของคนอื่น (ซึ่งไม่ถูกใจตนเอง) มากกว่าที่จะคิดสร้างสรรค์สิ่งดีงามและลงมือสร้างสรรค์งานให้เกิดขึ้นเป็นชิ้นเป็นอัน ถ้าทุกคนรู้เท่าทันหลุมพรางของความฉลาด และคุมตัวเองไม่ให้เผลอตกลงไปในหลุมพรางนั้นและถ้าเผลอตกลงไปบ้างก็รีบดีดตัวขึ้นมา และมุ่งนำความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ของตนมาสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้เกิดขึ้นแก่องค์กร ครอบครัว สังคมและประเทศชาติ ชีวิตของคนไทยทุกคนคงสดใสรุ่งเรือง สงบเย็น ยิ่งขึ้น ๆ ตลอดกาล

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

คำกลอน

ปากหมาเสียงกู่ก้อง ดัง......ไกล
บัดซบดั้งมีใคร กล่าวนั้น
ความคิดชั่วจากใจ สมดั่ง...คำลือ
งี่เหง้าบวกดื้อรั้น อวดโอ้ประดับความ

บริหารงานไม่เป็น ด่า.....ไว้
อวดอ้างออกจากใจ กล่าวย้ำ
คบคิดการกิจทำ เล็กๆ เป็นใหญ่
ได้คืบจักเอาวาไซ้ โลภมากประดับบารมี

อวดตนนั้นว่า ห้าบาท
ดูถูกคนว่าขลาด กล่าวอ้าง
ลืมตน ลืมตีน ว่าไซ้ร์โง่เขลา
อาวุโสใครให้ กำพึด คือตน